ตามปกติ ตาของคนเวลาดูวัตถุจะกลอกตาไปด้วยกัน (ยกเว้นเวลามองของใกล้ ตาสองข้างจะกลอกเข้าหากัน) และดูสองตาพร้อมกัน เช่นเมื่อมองไปทางซ้ายลูกตาซ้ายจะกลอกไปทางด้านนอกหรือด้านใกล้ขมับ และลูกตาขวาจะกลอกเข้าในหรือด้านใกล้จมูกเมื่อมองบนหรือมองล่างมองขวา มองเฉียงบนหรือเฉียงล่าง ลูกตาจะกลอกไปในแนวเดียวกัน ทั้งนี้เพราะกล้ามเนื้อกลอกตาของตาสองข้างทำงานประสานกันและภาพที่จอตาแต่ละข้างจะรวมกันให้มองเห็นเป็นภาพเดียว มองเห็นความลึก และความหนาบางของภาพสมองช่วยให้มีการตัดสินใจเรื่องสิ่งที่มองเห็น และมีการประสานงานระหว่างตาและอวัยวะซึ่งทำให้มนุษย์อยู่เหนือสัตว์ประเภทอื่น การมองด้วยตาสองข้างให้เห็นเป็นภาพเดียวนี้มีในตาชนิดที่วางอยู่ด้านหน้าตรงหน้าผาก สัตว์ที่มีตาอยู่ทางด้านข้างจะไม่สามารถทำหน้าที่นี้ได้
ตาเหล่เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเมื่อแนวของการมองเห็นภาพของตาแต่ละข้างไม่เป็นไปด้วยกัน ตาเหล่แบ่งออกเป็นสองชนิด คือ ตาเหล่แบบซ่อนเร้น (ตาส่อน) (latent strabismus) เมื่อดูพร้อมกันทั้งสองตาจะไม่เห็น สภาพตาเหล่ เพราะร่างกายสามารถฝืนไว้ได้ จะเห็นสภาพตาเหล่เมื่อให้มองของด้วยตาแต่ละข้างไม่พร้อมกัน และชนิดที่สองคือตาเหล่จริง (manifest strabismus) ซึ่งจะมีสภาพตาเหล่ปรากฏให้ผู้อื่นมองเห็น
ตาเหล่จริงมีสองชนิด คือ ตาเหล่ชนิดที่กล้ามเนื้อกลอกตาเป็นอัมพาต ซึ่งอาจเป็นมัดใดมัดหนึ่งหรือหลายมัด และตาเหล่ชนิดที่กล้ามเนื้อกลอกตาไม่เป็นอัมพาต
ตาเหล่เป็นสภาพที่เกิดขึ้นเมื่อแนวของการมองเห็นภาพของตาแต่ละข้างไม่เป็นไปด้วยกัน ตาเหล่แบ่งออกเป็นสองชนิด คือ ตาเหล่แบบซ่อนเร้น (ตาส่อน) (latent strabismus) เมื่อดูพร้อมกันทั้งสองตาจะไม่เห็น สภาพตาเหล่ เพราะร่างกายสามารถฝืนไว้ได้ จะเห็นสภาพตาเหล่เมื่อให้มองของด้วยตาแต่ละข้างไม่พร้อมกัน และชนิดที่สองคือตาเหล่จริง (manifest strabismus) ซึ่งจะมีสภาพตาเหล่ปรากฏให้ผู้อื่นมองเห็น
ตาเหล่จริงมีสองชนิด คือ ตาเหล่ชนิดที่กล้ามเนื้อกลอกตาเป็นอัมพาต ซึ่งอาจเป็นมัดใดมัดหนึ่งหรือหลายมัด และตาเหล่ชนิดที่กล้ามเนื้อกลอกตาไม่เป็นอัมพาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น