วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

มะเร็งลำไส้ใหญ่...ภัยเงียบที่ม่เลือกเพศและวัย

มะเร็งลำไส้ใหญ่...ภัยเงียบที่ไม่เลือกเพศและวัย

ลักษณะทั่วไป

มะเร็งลำไส้ใหญ่ ถือเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตในลำดับต้น ๆ ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด  โดยจากสถิติทั่วโลกพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชายเป็นลำดับที่ 4  หรือ 600,000 คนต่อปี  ส่วนในผู้หญิงพบเป็นลำดับที่ 3 รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก  และพบกว่า 500,000 คนต่อปี  ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่นับเป็นสาเหตุแห่งการเสียชีวิตในลำดับที่ 4 ของผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด รองมาจากมะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งกระเพาะอาหาร

สำหรับในประเทศไทย พบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ชายมากเป็นลำดับ 3 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด โดยพบประมาณ 9 คน ในประชากร 100,000 คนต่อปี  ส่วนในผู้หญิงพบเป็นลำดับ 5 รองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งปอด โดยพบประมาณ 8 คน ต่อ ประชากร100,000 คนต่อปี  

สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่


มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณลำไส้ส่วนปลาย ซึ่งแบ่งออกเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วงแรก (colon) และมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนท้าย (rectum) ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุในการเกิดที่แน่ชัด  แต่พบว่าอาจมีความสัมพันธ์กับอาหารและสิ่งแวดล้อม โดยการรับประทานอาหารที่ให้พลังงาน ไขมันและน้ำตาลสูง  

ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน และพบว่าในผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่าคนปรกติประมาณ 1.2 เท่าสำหรับปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ คือ ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี   มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากกว่า 2 คนขึ้นไป  เคยมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่  เคยเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง  และการสูบบุหรี่



อาการ

อาการ ที่พบในระยะแรกคือมีมูกเลือดปะปนมากับอุจจาระ โดยจะสังเกตได้ว่าอุจจาระมีสีคล้ำ คล้ายสีของเลือดหมู  หรือมีลักษณะการถ่ายอุจจาระที่ผิดปรกติออกไป เช่นปรกติไม่เคยท้องผูก ก็ท้องผูก หรือมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย  นอกจากนั้นอาจสังเกตได้จากขนาดของเส้นอุจจาระที่ลดลงผิดปรกติ  หรือมีอาการถ่ายอุจจาระไม่สุด  

สำหรับในระยะที่รุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ปวดท้อง  อาเจียน อ่อนเพลีย และน้ำหนักลดลงผิดปรกติ


การตรวจวินิจฉัย

การตรวจวินิจฉัย ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์จะทำการตรวจตรวจหาเลือดในอุจจาระหรือส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่  ซึ่งหากทำการส่องกล้องแล้วพบว่ามีก้อนเนื้องอก  แพทย์จะตัดชิ้นเนื้องอกนั้นมาวินิจฉัยว่าเป็นก้อนมะเร็งหรือไม่  หากเป็นมะเร็ง ก็จะต้องตรวจอีกว่าอาการของผู้ป่วยอยู่ในระยะใด เพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป 

วิธีการรักษา

วิธีการรักษาหลักในปัจจุบันสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วงแรก (colon) ในระยะที่ 1 , 2 และ 3 คือการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยในระยะที่ 2 บางรายและระยะที่ 3 จะได้รับวิธีการรักษาเสริมโดยการให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วย โดยปัจจุบันพบว่าการให้ยาเคมีบำบัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถป้องกันการกลับมาของโรคได้ดีขึ้น

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย (rectum) นอกจากการผ่าตัดและการรักษาเสริมโดยการให้ยาเคมีบำบัดแล้วจะมีการใช้รังสีรักษาร่วมด้วย  ส่วนผู้ป่วยในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่โรคแพร่กระจายและคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว ความเชื่อนั้นไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะหากผู้ป่วยมีสภาพร่างกายที่แข็งแรงพอ  แพทย์ก็สามารถที่จะให้การรักษาได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา  ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยส่วนหนึ่งมีอาการทุเลาลงหรือมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้
 

การดูแลตนเองหลังการรักษา

การดูแลตนเองหลังการรักษา ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติ แต่ควรรับประทานผัก  ผลไม้ ให้มาก ๆ  และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
 

วิธีการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

เนื่องจากสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งคือโรคอ้วน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันและแคลลอรี่สูง รับประทานผักผลไม้มาก ๆ  และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคมะเร็งลำไส้ได้

แม้มะเร็งลำไส้ใหญ่ จะเป็นภัยเงียบที่ไม่เลือกเพศและวัย  แต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการเลือกรับประทานอาหารและการปฏิบัติตนที่เหมาะสม ดังนั้นการดูแลตนเองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคร้ายโรคนี้
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น